แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักกับหนุ่มมากความสามารถโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนานแสนนาน แถมยังได้ฝากผลงาน ชื่อเสียงต่างๆไไว้มากมาย สำหรับ ถั่วแระ เชิญยิ้ม ตลกดังรุ่นใหญ่ ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้กำกับ วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมบ้านหลังโตที่สร้างไว้ต้อนรับลูกกลับไทย
ออกมาตอบคำถามแบบเคลียร์ชัดต่อหน้าสื่อมวลชนอีกครั้ง สำหรับ ตลกรุ่นใหญ่ชื่อดัง “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” วัย 69 ปี ที่หลังจากถูกกระแสข่าวลือเม้าท์สนั่นว่า “ครอบครัวมีปัญหา ทะเลาะกัน แถมลูกสาวยังงอน ถึงขั้นไม่ยอมกลับเมืองไทยมานานถึง 10 ปี” โดย “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” ก็ไม่นิ่งนอนใจ ขอออกมาเคลียร์ข่าวทุกประเด็นร้อนแบบชัดๆ ถึงปมสาเหตุ “ลูกสาวไม่ยอมกลับเมืองไทยมานานเกือบ 10 ปี ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอเมริกาถาวร”
เรียกว่าม้วนเดียวจบ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า “ไม่มีอะไรเลย ลูกไม่ได้งอนเลยไม่กลับไทย ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรเลย ไม่ได้แตกแยก ไม่ได้ทะเลาะอะไรเลย ลูกไม่กลับ ก็ไม่กลับก็แค่นั้นเอง ครอบครัวยังปกติ ไม่มีอะไร” เปิดบ้าน ‘ถั่วแระ’ ซื้อไว้ให้ทายาทแต่ไม่กลับมาอยู่
บ้านอีกหลัง ‘ถั่วแระ เชิญยิ้ม’ รับแยกอยู่กับภรรยาหลังเจอปัญหา คร่ำหวอดอยู่ในวงการตลกมานานกว่า 30-40 ปีแล้วสำหรับ ‘ถั่วแระ เชิญยิ้ม’ หลังจากใช้ชีวิตครอบครัวแต่งงานกับภรรยา ‘น้าตุ่น’ ก็ได้ตัดสินใจรับเลี้ยงทายาทของคนงานมาส่งเสียเลี้ยงดู ถึง 5 คน ส่วนทายาทแท้ๆ นั้นไปใช้ชีวิต
อยู่เมืองนอกไม่กลับไทยมานานนับ 10 ปี แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ‘ถั่วแระ เชิญยิ้ม’ ก็เผยว่าแยกบ้านกันอยู่กับภรรยามานานแล้วเพียงแต่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเท่านั้น อาถั่วแระ เล่าว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ชีวิตแต่ละคนทำงานคนละเวลา และมีบ้าน 2 หลัง เลยแยกกันอยู่คนละบ้านเพื่อดูแลบ้าน ความจริงบ้านหลังนี้มีทายาทคนโต ‘โบว์ ศยามล’ อาศัยอยู่ด้วย
แต่ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้จบปริญญาโทแล้ว แต่ยังไม่กลับมาเพราะขอทำงานใช้ชีวิตไปก่อน และเตรียมจะเรียนต่อปริญญาเอกอีกด้วย นอกจากนี้’น้าตุ่น’ ภรรยา ก็ได้เผยถึงสาเหตุในกรณีของทายาทนั้นไว้ว่า “ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังไม่อยากกลับ แต่ตอนแรกบอกจะกลับ เขาจบโท เขาก็อยู่ที่นั่นต่อเลยหลายๆ อย่าง ตอนนี้เป็นผู้กำกับสร้างฝันของเขา
เขาอยู่ตรงนั้นสู้ด้วยตัวเอง เป็นห่วงมาก แต่ว่าเขาคงเอาตัวรอดแหละ อยู่มาตั้ง 10 ปีแล้ว พอเราส่งเขาเรียนจบก็ไม่ได้ส่งเขาแล้ว เพราะส่งเค้าเรียนมันแพงมาก” ส่วนทางด้าน ‘ถั่วแระ เชิญยิ้ม’ ผู้เป็นพ่อ เผยว่า “พ่อกับแม่ไม่ได้ตั้งอะไรมากมาย เพียงอยากจะบอกว่าบางสิ่งบางอย่างที่พ่อคุยไปมันจูนเข้าหากันไม่ค่อยได้ เขาจะมีแนวความคิดของเขาตลอดเวลา
บางทีพ่อก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อเข้าใจในระเบียบของคนไทยพ่อสั่งสอนเขา ถ้าการอยู่ใกล้กันมันน้อยไปก็ให้อภัยพ่อด้วย ถ้าอยากจะกลับหรือจะอยู่พ่อก็ไม่ว่าอะไร แต่อยากให้หนูเข้าใจในตัวพ่อและแม่บ้างว่าเป็นห่วง ผมยังพูดกับตัวเองว่าเรารักเขาผิดไปหรือเปล่าในการสั่งสอนของเรา สอนให้เขาแกร่ง สอนให้เขาแข็ง เขาถึงไม่กลัวเกรงใครเดินด้วยแข้งของเขาตลอดเวลา
