ผันตัวไปใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ ไปอีกหนึ่งคน สำหรับอดีตพระเอกดังแห่งช่อง7สี ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ อดีตพระเอกพื้นบ้านที่ได้ฝากผลงานไว้ให้ชมมากมาย แต่ปัจจุบันหนุ่มติ๊กได้ห่างหายไปจากวงการนานหลายปี วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมชีวิตล่าสุดในวัย 52 ปี ของหนุ่มติ๊กกันค่ะ
แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้รับทเด่นๆ ดังๆ แล้ว แต่เขาก็ยังคงรักงานในวงการบันเทิงเหมือนเฉกเช่นวันวานที่ผ่านมา สำหรับ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ’ อดีตพระเอกละครพื้นบ้าน หรืออดีตพระเอกช่อง 7 ที่ปัจจุบันในวัย 52 ปี ก็ยังคงมีผลงานให้ติดตามกันอยู่บ้าง แต่เพราะด้วยเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ช่วงหนึ่ง ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ’ ต้องระหกระเหินไปอยู่เมืองนอก หรืออเมริกาหลังขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง โดยครั้งหนึ่งนั้น ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ’ ได้เผยว่า
“ย้อนกลับไปก็ 10 ปีได้แล้วนะ ตอนนั้นเรากำลังไปได้สวยผู้ใหญ่ก็สนับสนุน แต่เป็นความสนุกคึกคะนองครับ ก็ขอแบ่งกัญชากับเพื่อนแล้วเหลือติดตัวกลับบ้าน แล้วไปเจอด่านถูกควบคุมไว้ แต่ผมไม่ได้ติดนะ พอผมโดนควบคุมตัวแล้ว ขึ้น นสพ. หน้าหนึ่งไหม ขึ้นเหมือนกันครับ ขึ้นนิดเดียว ผมได้คุยกับพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผมโดนแล้วผมไม่สามารถที่จะออกข่าวได้
“ย้อนกลับไปก็ 10 ปีได้แล้วนะ ตอนนั้นเรากำลังไปได้สวย ผู้ใหญ่ก็สนับสนุน แต่เป็นความสนุกคึกคะนองครับ ก็ขอแบ่งกัญชากับเพื่อนแล้วเหลือติดตัวกลับบ้าน แล้วไปเจอด่านถูกควบคุมไว้ แต่ผมไม่ได้ติดนะ พอผมโดนควบคุมตัวแล้ว ขึ้น นสพ. หน้าหนึ่งไหม ขึ้นเหมือนกันครับ ขึ้นนิดเดียว ผมได้คุยกับพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผมโดนแล้วผมไม่สามารถที่จะออกข่าวได้
งานผมอาจจะหด ผู้ใหญ่อาจจะไม่ให้งานผมเลย พอจากวันนั้นประมาณ 2 วันก็มีข่าวช่องเล็ก ๆ ครับตอนนั้นไม่ได้เป็นรูปนะ เป็นช่องเล็กๆ แต่ตอนนั้นข่าวที่ออกไปเขาใช้คำว่าพัวพันเลย แต่ผมมีเพียงแค่กัญชา แต่ผมไม่ได้ยุ่งกับอย่างอื่นนอกเหนือ จากนี้เลย ผมเพราะคิดว่ามันมาจากธรรมชาติตามป่าเขาก็หาได้แล้ว บางคนเอาใส่อาหาร แต่ผลกลับมามันยิ่งไปกว่านั้น
มันไม่คุ้มเลย แต่โอเคผมก็ทำตามกฎของสังคมช่องพักงาน 2 ปี เรารู้ชะตาตัวเองแล้วล่ะว่าจะเป็นยังไง ก็เข้าไปขอโทษผู้ใหญ่หลังจากลาผู้ใหญ่แล้วผมก็บินเดี่ยวไปอยู่อเมริกาเลย ไปเสิร์ฟอาหาร ไปเรียนรู้ภาษา ไปหาประสบการณ์ดีกว่ามาจมอยู่กับอดีต ผมว่าบางทีชีวิตมันก็ลิขิตไม่ได้และไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้หรอก ตอนนั้นก็มองคนรอบข้างด้วยทำไมเขายังอยู่ได้
แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ อยู่ตามสเต็ป 6 เดือนครับ แล้วก็หนีด้วย อีก 6 เดือนก็เท่ากับ 1 ปี แล้วเราเห็นว่าเราอยู่ได้ก็ไปเรียนรู้คนไทยอยู่ในนั้น ถ้าทำเป็นทำหนังเรื่องสั้นผมว่าก็ได้เรื่องราวของคนที่อยู่เมืองนอกเยอะเหมือนกัน ผมก็ไปอยู่ที่ร้านอาหารไทย เริ่มเสิร์ฟก่อน ก็ฝึกพูด ฝึกฟัง”